แทรมโพลีนกับการฟื้นฟู Vagal Tone วิธีเพิ่มความแข็งแรงของ
ระบบประสาท Vagus ผ่านการเคลื่อนไหวแบบควบคุม

เทคนิคการเพิ่มระดับ Vagal Tone ด้วยการเล่นแทรมโพลีน

เทคนิคการเพิ่มระดับ Vagal Tone ด้วยการเล่นแทรมโพลีนได้ผลดีที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งยา!

คุณรู้หรือไม่? ว่าร่างกายของคุณมี "ปุ่มรีเซ็ต" ธรรมชาติที่สามารถช่วยลดความเครียด เพิ่มพลังงาน และปรับปรุงสุขภาพหัวใจได้ใน 20 นาที

หากคุณเป็นคนที่รู้สึกเครียด นอนไม่หลับ หรือมีปัญหาสุขภาพหัวใจ อาจเป็นเพราะระบบประสาท Vagus ของคุณทำงานไม่เต็มที่

ทดสอบตัวเองก่อน: คุณมีปัญหาระบบประสาท Vagus หรือไม่?

ให้คะแนนตัวเองในแต่ละข้อ (0 = ไม่เคย, 1 = บางครั้ง, 2 = บ่อยครั้ง, 3 = เป็นประจำ)

อาการทางร่างกาย:

  • หัวใจเต้นผิดปกติ หรือเต้นเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
  • หายใจลำบาก หรือรู้สึกขาดอากาศ
  • ปัญหาการย่อยอาหาร ท้องผูก หรือท้องเสีย
  • นอนไม่หลับ หรือนอนไม่ลึก
  • ความดันโลหิตผิดปกติ

อาการทางจิตใจ:

  • รู้สึกเครียดหรือกังวลง่าย
  • อารมณ์แปรปรวน หรือควบคุมอารมณ์ยาก
  • สมาธิสั้น หรือความจำไม่ดี
  • รู้สึกหมดแรง เฉื่อยชา
  • หงุดหงิดง่าย หรือโกรธง่าย

อาการทางสังคม:

  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
  • รู้สึกแยกตัวจากคนอื่น
  • ไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้ในสถานการณ์ปลอดภัย
  • ตื่นตระหนกง่าย หรือตกใจง่าย
  • รู้สึกไม่มีพลังในการทำกิจกรรม

คะแนนรวม:

  • 0-15 คะแนน: ระบบประสาท Vagus ทำงานดี
  • 16-30 คะแนน: ควรเริ่มใส่ใจดูแลระบบประสาท
  • 31-45 คะแนน: ระบบประสาท Vagus ทำงานไม่เต็มที่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

เส้นประสาทเวกัส หรือ Vagus Nerve มีบทบาทสำคัญต่อระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ทำหน้าที่ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทอัตโนมัติ การย่อยอาหาร และความสมดุลต่างๆ ของร่างกาย การเสื่อมถอยของ Vagal Tone สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรังมากมาย เช่น อาการวิตกกังวล, ภาวะโรคซึมเศร้า และความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร

งานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า การออกกำลังกายแบบจังหวะควบคุม เช่น การเล่นแทรมโพลีน (Trampoline) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและเสริมสร้างระดับ Vagal Tone ได้อย่างมาก บทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกข้อมูลจากงานวิจัยมากมาย พร้อมตอบคำถามว่า ทำไม 'แทรมโพลีน' ถึงช่วยยกระดับ Vagal Tone ได้ดีกว่าการออกกำลังกายรูปแบบอื่นๆ?!

Vagal Tone คืออะไร? สำคัญต่อร่างกายมากแค่ไหน?

Vagal Tone คือ กิจกรรมของเส้นประสาทเวกัส เป็นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกที่กระจุกตัวอยู่บริเวณเส้นประสาทสมองเส้นที่ 10 มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพโดยรวม ทำหน้าที่ควบคุมอวัยวะที่อยู่ภายในช่องอก และในช่องท้องทั้งหมด เช่น หัวใจ, ปอด, กระเพาะอาหาร, ลำไส้, หลอดอาหาร ฯลฯ ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร, อัตราการเต้นของหัวใจ และการควบคุมอารมณ์

คนที่มีสภาพจิตใจแจ่มใส มองโลกในแง่บวก มีความสุขง่าย ฝึกผ่อนคลายเป็นประจำ จะมีระดับ Vagal Tone สูง ส่งผลให้จังหวะการเต้นของหัวใจช้าลง หายใจได้ลึกขึ้น กล้ามเนื้อกะบังลมทำงานได้อย่างเต็มที่สมบูรณ์ มีความดันที่ลดลง การหลั่งน้ำย่อยและการเคลื่อนไหวของสารอาหารต่างๆ ในลำไส้ดีขึ้น นอกจากนี้ระดับ Vagal Tone ที่สูง ยังช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้อีกด้วย

ในทางกลับกัน หาก Vagal Tone ของร่างกายเราอยู่ในระดับต่ำ จะนำไปสู่การเกิดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังมากมาย เช่น โรคเครียดเรื้อรัง, โรคซึมเศร้า, โรคลำไส้แปรปรวน (IBS), โรคหลอดเลือดหัวใจ และ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (SLE) เป็นต้น

เทคนิคการเพิ่มระดับ Vagal Tone ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งยา!

งานศึกษาวิจัยในวารสาร Neurophysiology ปี 2020 พบว่า การออกกำลังกายในลักษณะที่มีการควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ และนุ่มนวล ช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกได้ดีมาก ผ่านการส่งสัญญาณไปยังสมอง กระตุ้นเส้นทางเชื่อมต่อของเวกัส ทำให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลาย และ มีอารมณ์ที่ดีขึ้น

กิจกรรมเคลื่อนไหวทางกายภาพที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การกระโดดเด้งกลับด้วยมินิแทรมโพลีน (Trampoline) เป็นตัวช่วยเพิ่มความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของระดับ Vagal Tone ได้อย่างชัดเจน ซึ่งกลไกหลักของการเพิ่มระดับ Vagal Tone ได้แก่

การกระตุ้น Baroreceptor หรือ ส่วนที่ควบคุมความดันโลหิต: การกระโดดเด้งบนแทรมโพลีน ส่งผลต่อเซ็นเซอร์วัดความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบประสาทเวกัส

การกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ และการหายใจ: การเคลื่อนไหวแบบเด้งกลับบนแทรมโพลีน สร้างจังหวะเคลื่อนไหวที่ส่งผลให้ร่างกายต้องหายใจเข้าลึกๆ โดยอัตโนมัติ ทำให้การทำงานของหัวใจและปอดประสานกันผ่านเส้นประสาทเวกัส

ความยืดหยุ่นของระบบประสาท: การกระโดดบนแทรมโพลีน มีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ สมองเกิดกระบวนการคิดเกี่ยวกับการรับรู้เชิงพื้นที่ตลอดเวลาขณะกระโดด ช่วยสนับสนุนการเชื่อมต่อของวงจรสมอง ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อระบบประสาทอัตโนมัติให้เกิดความสมดุล

ทำไมการเพิ่มระดับ Vagal Tone ด้วยการเล่นแทรมโพลีนจึงได้ผลดีที่สุด!?

การเล่นแทรมโพลีน เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวในจังหวะที่สม่ำเสมอ มีการควบคุมการหายใจ และกระตุ้นกล้ามเนื้อทั่วร่างกายได้ทั้งหมดพร้อมๆ กันในเวลาเดียว ส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มระดับของ Vagal Tone การออกกำลังกายบนแทรมโพลีนให้ประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ ดังต่อไปนี้

  1. การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะที่นุ่มนวล
    การกระโดดขึ้นๆ ลงๆ อย่างนุ่มนวล เป็นจังหวะซ้ำๆ ช่วยกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส ตามผลการศึกษาในปี 2016 ของวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและการแพทย์ สหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะซ้ำๆ และมีแรงกระแทกต่ำ อย่างการเล่นแทรมโพลีน ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ทำให้ระบบประสาทพักผ่อนได้ง่ายขึ้น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และ ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  2. กระตุ้นระบบน้ำเหลือง
    การกระโดดแทรมโพลีน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของน้ำเหลือง ช่วยให้ร่างกายกำจัดของเสียได้ดีขึ้น มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันที่ควบคุมโดยเส้นประสาทเวกัสเป็นส่วนใหญ่
  3. ประโยชน์ต่อระบบทางเดินหายใจ
    การเล่นแทรมโพลีนในระดับความเข้มข้นที่สูงขึ้น กระตุ้นให้เกิดการหายใจเข้าออกที่เต็มอิ่มสมบูรณ์ ทำให้กะบังลมเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ นี้ ช่วยเพิ่มระดับ Vegal Tone ของระบบประสาทเวกัส ตามผลการวิจัยของ Clinical Autonomic Research ในปี 2019 ซึ่งแทรมโพลีนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
  4. การทรงตัวและการประสานงาน
    กิจกรรมเด้งกลับบนแทรมโพลีน ช่วยปรับปรุงการทรงตัว ส่งผลให้ร่างกายสมดุล และเพิ่มการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายที่ดีขึ้น เส้นประสาทเวกัสมีการทำงานโต้ตอบอย่างใกล้ชิดกับระบบการทรงตัว ดังนั้นผู้ที่ได้รับการปรับปรุงการทรงตัว จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และมีระบบประสาทอัตโนมัติที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

ยืนยันด้วยผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์!

ผลการวิจัยจาก Frontiers in Neuroscience ชี้ให้เห็นว่า การเล่นแทรมโพลีนแม้เพียงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หากกระโดดอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ สามารถให้ประโยชน์ต่อระบบประสาทอัตโนมัติได้อย่างมาก

งานวิจัยครั้งนี้ ได้ทำการทดสอบกับเด็กกลุ่มที่เป็นโรคออทิสติกสเปกตรัม (ASD) ด้วยการแทรกแซงกิจกรรมแทรมโพลีนในชีวิตประจำวัน พบว่าการกระโดดแทรมโพลีนช่วยเพิ่มระดับ Vagal Tone ของระบบประสาทเวกัสของกลุ่มเด็กทดสอบได้อย่างเห็นผล สอดคล้องกับผลการวิจัยใน Complementary Therapies in Clinical Practice ปี 2020 ที่ค้นพบว่า การบำบัดสภาพจิตด้วยการกระโดดเด้งบนแทรมโพลีน ช่วยปรับปรุงสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติของผู้ป่วย และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้

แทรมโพลีน (Trampoline) คำตอบที่เรียบง่าย แต่ได้ผลมาก!

การฟื้นฟูและเสริมสร้าง Vagal Tone ของเส้นประสาทเวกัส กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของแนวทางการดูแลสุขภาพองค์รวมสมัยใหม่ โดยเฉพาะการกระโดดแทรมโพลีน นอกจากจะได้ความสนุกสนาน และเข้าถึงได้ง่ายแล้ว ประโยชน์ของแทรมโพลีนในการเสริมสร้างการทำงานของเส้นประสาทเวกัสยังได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย

ประโยชน์ของแทรมโพลีนกับการฟื้นฟูระบบประสาทเวกัส (Vagal Tone)

เด็ก (6-12 ปี)

ประโยชน์หลัก:

  • พัฒนาระบบประสาทและสมอง เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และจดจำ
  • ปรับปรุงความสมดุลและการประสานงาน ช่วยพัฒนาทักษะกีฬาและกิจกรรมต่างๆ
  • เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในอนาคต
  • ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อและการเจ็บป่วย

คำแนะนำ: 15-20 นาที/วัน, 3-4 วัน/สัปดาห์

ผู้ใหญ่พ่อแม่ (25-45 ปี)

ประโยชน์หลัก:

  • ลดความเครียดจากการทำงานและเลี้ยงลูก เพิ่มการหลั่งสาร Endorphins
  • เพิ่มพลังงานและความอดทน ช่วยรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวัน
  • ปรับปรุงคุณภาพการนอน หลับลึกและฟื้นตัวดีขึ้น
  • เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง

คำแนะนำ: 25-30 นาที/วัน, 4-5 วัน/สัปดาห์

วัยทำงาน (30-55 ปี)

ประโยชน์หลัก:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงสมาธิและความคิดสร้างสรรค์
  • ลดอาการ Burnout ช่วยจัดการความเครียดจากการแข่งขันในการทำงาน
  • ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดการอักเสบในร่างกายและความเสี่ยงเบาหวาน
  • เสริมสร้างความมั่นใจ ปรับปรุงรูปร่างและสมรรถภาพทางกาย

คำแนะนำ: 30-40 นาที/วัน, 5-6 วัน/สัปดาห์

วัยสูงอายุ (55-70 ปี)

ประโยชน์หลัก:

  • ป้องกันการล้มและปรับปรุงความสมดุล ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ
  • เสริมความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด ลดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มความยืดหยุ่นทางจิตใจ ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า

คำแนะนำ: 20-25 นาที/วัน, 4-5 วัน/สัปดาห์

วัยชรา (70+ ปี)

ประโยชน์หลัก:

  • การออกกำลังกายที่ปลอดภัย แรงกระแทกต่ำ เหมาะสำหรับข้อต่อที่อ่อนแอ
  • ป้องกันภาวะสมองเสื่อม เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปสมอง
  • เสริมสร้างระบบหายใจ ปรับปรุงสมรรถภาพปอดและการแลกเปลี่ยนก๊าซ
  • เพิ่มคุณภาพชีวิต รักษาความเป็นอิสระในการดำเนินชีวิต

คำแนะนำ: 10-15 นาที/วัน, 3-4 วัน/สัปดาห์

อ้างอิง: Journal of Physical Activity and Health, Arthritis Foundation Guidelines

หากคุณกำลังมองหาวิธีจัดการกับความเครียด ฝึกปรับปรุงอารมณ์ ฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร หรือเพียงแค่ต้องการหาวิธีผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อเพิ่มระดับ Vagal Tone ให้แก่ร่างกายโดยไม่ต้องพึ่งยา การกระโดดแทรมโพลีนทุกวัน ฟังดูเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้เลย!

ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในแต่ละวัน บนมินิแทรมโพลีน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น Smartplay Only แทรมโพลีน คุณภาพอันดับ 1 พร้อมอยู่เคียงข้างคุณทุกการเปลี่ยนแปลง พบกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแทรมโพลีน ที่จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักกระโดดโลดเต้นได้อย่างสนุกสนาน เด้งนุ่มนวลเหนือจินตนาการ ปลอดภัยในทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างแท้จริง

Trampoline จาก Smartplay Only ผู้นำด้านแทรมโพลีนเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่ได้ความร่วมมือจากวิศวกรชาวนิวซีแลนด์ คิดค้นและออกแบบแทรมโพลีนตามหลักสรีรศาสตร์ โครงเหล็กหนา เคลือบกันสนิมอย่างดี มีแทรมโพลีนรุ่นตาข่ายนิรภัยรอบด้าน ป้องกันตก 360 องศา แผ่นไฮบาวซ์เกรดพรีเมียม กระโดดแล้วเด้งแบบฟีลดีสุดๆ รองรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 150 กิโลกรัม

สัมผัสแทรมโพลีนเครื่องออกกำลังกายในบ้านที่คุ้มค่าที่สุดได้แล้ววันนี้ ที่อาณาจักรแทรมโพลีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย Smartplay Only ปากซอยแบริ่ง 37 ทดลองกระโดด ฟรี! มาพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลย คุณพ่อเล่นแล้วจะหายเครียด คุณแม่เล่นแล้วหุ่นดี เด็กๆ ได้เล่นก็ยิ่งติดใจ!

Smartplay Only – ก้าวกระโดดสู่ความสนุกอย่างปลอดภัย ด้วยแทรมโพลีนคุณภาพสูง อันดับ 1 ของเรา

 


 

 

รุ่นใหญ่วางนอกบ้าน
แนะนำรุ่นเล็กวางในบ้าน เพิ่มความสูง


 

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ แทรมโพลีน Trampoline เครื่องออกกำลังกายในบ้าน จาก Smartplay Only

Tel: 092-742-7447 | Email: info4rjw@gmail.com
Line Official: @SmartPlayOnly | Facebook: JumpSmartPlayOnly