แทรมโพลีนบำบัดกับ Gut-Brain Axis วิธีฟื้นฟูระบบประสาทลำไส้ผ่าน
การเคลื่อนไหวแบบ Gravitational Rhythm

เสริมสร้างสุขภาพลำไส้ให้ดีขึ้น ด้วยแทรมโพลีน (Trampoline) ง่ายๆ แบบนั้นเลย!

"ลองตอบคำถามเหล่านี้ดูสิ..."

• คุณเคยรู้สึกปวดท้องตอนเครียดหรือกังวลไหม?
• คุณเคยสังเกตว่าช่วงท้องไม่ค่อยดี อารมณ์ก็แย่เป็นพิเศษหรือเปล่า?
• คุณเคยรู้สึกว่าบางอาหารไม่ใช่แค่ทำให้ท้องไม่สบาย แต่ยังส่งผลต่อความคิดและอารมณ์ด้วยไหม?

ถ้าคุณตอบว่า "ใช่" แสดงว่าคุณกำลังสัมผัสถึงการทำงานของ Gut-Brain Axis นั่นเอง

ประเด็นสำคัญ:

• งานวิจัยล่าสุดจาก UCLA ในปี 2023 พบว่า ระบบประสาทลำไส้มีเซลล์ประสาทมากถึง 500 ล้านเซลล์ ซึ่งมากกว่าที่มีในไขสันหลัง และสามารถทำงานได้แม้จะถูกตัดขาดจากระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า "สมองที่สอง" อย่างเป็นทางการ
• งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 2022 พบว่า การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเป็นจังหวะ เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการเต้นรำ ช่วยกระตุ้นเส้นประสาทวากัส (Vagus nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทสำคัญที่เชื่อมระหว่างสมองและลำไส้ สมองและลำไส้จะสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• เซลล์ประสาทในลำไส้ช่วยควบคุมการย่อยอาหาร การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย การหลั่ง ฮอร์โมนที่ส่งผลด้านอารมณ์ ฮอร์โมนความสุขเช่นเซโรโทนิน (Serotonin) กว่า 90% ถูกผลิตในลำไส้ ความเครียดส่งผลต่อการย่อยอาหารและการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร
  Gut-Brain Axis คือ การติดต่อสื่อสารสองทาง ระหว่างสมองและลำไส้ โดยผ่านระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งการสื่อสารนี้จะส่งผลต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย
• กิจกรรมรีบาวด์กระโดดบนแทรมโพลีน ช่วยเพิ่มระดับกรดไขมันสายสั้นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า บิวทิเรต (Butyrate) ซึ่งเป็นกรดไขมันสายสั้นที่ดีต่ออวัยวะลำไส้ ซึ่งเชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมมากมาย
• การกระโดดแทรมโพลีน (Trampoline) ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงที่ลำไส้ดีขึ้น ส่งเสริมความแข็งแรงให้แก่เซลล์ที่บุผนังลำไส้ นำไปสู่การมีระบบทางเดินอาหารที่สมบูรณ์แข็งแรง
• การกระโดดแทรมโพลีนช่วยปรับปรุงสุขภาพลำไส้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยส่งเสริมการเคลื่อนตัวของลำไส้ กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด สนับสนุนจุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสุขภาพที่ดี

ในลำไส้มีเซลล์ประสาทหลายล้านเซลล์ ทำให้ลำไส้ได้รับฉายาว่าเป็น 'สมองที่สองของมนุษย์' เพราะระบบประสาทในลำไส้ หรือ Enteric Nervous System (ENS) ซึ่งเป็นเครือข่ายเซลล์ประสาทที่ซับซ้อนในลำไส้ สามารถทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องรับคำสั่งจากสมอง

เซลล์ประสาทในลำไส้ มีบทบาทในการควบคุมการย่อยอาหาร และการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังสามารถสื่อสารกับสมองผ่านทางเส้นประสาทเวกัสได้อีกด้วย การสื่อสารระหว่างลำไส้และสมองนี้ เรียกว่า Gut-Brain Axis มีบทบาทในการกำหนดการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ควบคุมการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนเลือด ปล่อยฮอร์โมนในลำไส้ที่มีผลกับอารมณ์ และ การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

การมีสุขภาพลำไส้ที่แข็งแรง หมายความว่าระบบย่อยอาหารจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ผู้คนมากมายจึงสรรหาวิธีส่งเสริมสุขภาพลำไส้มากมาย ไม่ว่าจะกินโพรไบโอติก หรือเพิ่มพืชผักสีเขียวในมื้ออาหาร แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เหมาะสมได้ แต่หลายคนกลับมองข้ามไป นั่นก็คือ การออกกำลังกาย

ออกกำลังกายลำไส้ กระโดดแทรมโพลีน (Trampoline) ช่วยปรับปรุงสุขภาพลำไส้ได้อย่างไร?

ดร.คริสตีน ลี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารกล่าวว่า การออกกำลังกายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการเสริมสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ เรียกได้ว่าเป็น ‘ยา’ ขนานดีที่สุดสำหรับสุขภาพลำไส้ของคุณ

การกระโดดแทรมโพลีนช่วยออกกำลังกายลำไส้และปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้น ดังต่อไปนี้

ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้:

การกระโดดแทรมโพลีน เป็นการเคลื่อนไหวแบบรีบาวด์ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน รวมถึงกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการหดตัวของลำไส้ และกระตุ้นการเคลื่อนตัวของเสียผ่านลำไส้ใหญ่

ในทางตรงกันข้ามคนที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกายเลย กล้ามเนื้อในลำไส้ก็จะทำงานน้อยลงตามไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไป กล้ามเนื้อลำไส้ก็จะสูญเสียการประสานงาน และความแข็งแรงตามธรรมชาติ

กระตุ้นการไหลเวียนเลือด:

กิจกรรมรีบาวด์กระโดดขึ้นๆ ลงๆ บนแทรมโพลีน ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทั่วทั้งร่างกาย ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดและออกซิเจนได้มากกว่าปกติหลายเท่า เมื่อระบบทางเดินอาหารมีการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้น ระบบย่อยอาหารก็จะแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และสามารถรักษาสมดุลของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ได้ดีขึ้นด้วย

กล้ามเนื้อย่อยอาหารที่กระชับขึ้น:

ใช่แล้ว! การกระโดดแทรมโพลีนส่งผลถึงอวัยวะภายในของคุณได้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ร่างกายเด้งขึ้นและลงอย่างรวดเร็วบนแทรมโพลีน จะเกิดภาวะการบีบตัวของลำไส้ที่เรียกว่า Peristalsis ซึ่งการบีบตัวของลำไส้นี้จะช่วยให้ลำไส้สามารถขับของเสียออกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้ของเสียไปรบกวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

ระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น:

ดร.คริสตีน ลี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารอธิบายว่า ร่างกายของเรามองว่า การย่อยอาหารมีความสำคัญน้อยกว่าอวัยวะสำคัญๆ เช่น หัวใจ ปอด และ สมอง ดังนั้นพลังงานจึงมักจะถูกส่งไปดูแลอวัยวะสำคัญมากกว่าการเผาผลาญพลังงานที่ได้จากอาหาร ดังนั้นเราจึงควรเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยการออกกำลังกาย การกระโดดแทรมโพลีนช่วยเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญ ซึ่งจะมีผลต่อการย่อยอาหาร และการปรับสมดุลลำไส้ให้ดีขึ้นได้

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนอนหลับ:

กิจกรรมการกระโดดแทรมโพลีน ช่วยยกระดับความเหนื่อยล้าของร่างกาย นำไปสู่การนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน และมีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น ซึ่งการนอนหลับที่ดีนี้จะช่วยให้ระบบของร่างกาย รวมถึงลำไส้ได้ซ่อมแซมตัวเอง ย่อยสลายของเสีย และบูสสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมาใหม่

เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน:

70% ของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์อยู่ที่ลำไส้ ดังนั้นหากลำไส้มีสุขภาพดี ระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งตามไปด้วย

การกระโดดแทรมโพลีนช่วยเพิ่มระดับของกรดไขมันสายสั้นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า บิวทิเรต (Butyrate) ถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพลำไส้ใหญ่ ช่วยลดการอักเสบ ดูแลเยื่อบุผนังลำไส้ให้แข็งแรง ป้องกันการเคลื่อนย้ายแบคทีเรีย และสารพิษจากลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้ ผลลัพธ์คือระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีขึ้น การเจ็บป่วยหรือไม่สบายที่ลดน้อยลง

ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง:

งานศึกษาวิจัยพบว่า การกระโดดแทรมโพลีนเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคเรื้อรังอื่นๆ จากการลดการอักเสบในลำไส้ นำไปสู่การย่อยอาหารที่ดีขึ้น ลำไส้สามารถดูดซับสารอาหารจากอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ดร.คริสตีน ลี ยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าคุณจะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร เชื่อหรือไม่ ลำไส้อยากขอบคุณคุณ! การออกกำลังกายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดวิธีหนึ่ง ในการปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของคุณ รวมถึงสุขภาพลำไส้ และเป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายเลย

การออกกำลังกายที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้ได้ดี คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ตัวอย่างเช่นการกระโดดแทรมโพลีน เพราะกิจกรรมรีบาวด์บนแทรมโพลีนช่วยให้คุณสามารถเลือกระดับความฟิตตามที่ต้องการในแต่ละบุคคลได้ โดยสังเกตความเข้มข้นของการกระโดดแทรมโพลีน ด้วยสัญญาณเหล่านี้:

• อัตราการเต้นของหัวใจของคุณเร็วกว่าปกติ
• คุณสามารถพูดได้ แต่ไม่สามารถร้องเพลงได้
• คุณเริ่มกระโดดแทรมโพลีนจนเหงื่อออก

แทรมโพลีน – เครื่องออกกำลังกายในบ้านที่ช่วยให้คุณเหงื่อแตกพลั่กภายใน 5 นาที!

ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องไปฟิตเนส เริ่มออกกำลังกายอย่างหนัก หรือ ใช้เวลาออกกำลังกายนานนับชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฟื้นฟูสุขภาพลำไส้ตามที่ต้องการ แค่มีเวลากระโดดแทรมโพลีนวันละ 10 นาที ก็มีลำไส้ที่แข็งแรงกว่าเดิมได้แล้ว!

ใช่แล้ว! กระโดดแทรมโพลีนเพียงแค่ 10 นาที เท่ากับการวิ่งนานถึง 30 นาที ยืนยันโดยการทดสอบ และวิจัยขององค์การ NASA ลบล้างทุกข้อจำกัดของคนที่มีเวลาออกกำลังกายน้อย แทรมโพลีนให้ทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในระดับสูง อุปกรณ์เดียวที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า การรีบาวด์กระโดดบนแทรมโพลีนนั้น กระฉับกระเฉงเพียงพอที่จะทำให้หัวใจของคุณสูบฉีดได้ดีมาก

เลือกแทรมโพลีนที่ดีที่สุด กับ Smartplay Only แทรมโพลีนเกรดเยอรมัน ช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของคุณ รวมถึงสุขภาพลำไส้ ช่วยให้การกระโดดของคุณมีคุณภาพสูงสุด ส่งเสริมการเด้งตัวที่นุ่มนวล เกิดแรงกระเพื่อมถึงอวัยวะภายใน พร้อมดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่าปกติถึง 80% ด้วยอะไหล่ที่ทำจากวัสดุระดับพรีเมียม แผ่นไฮบาวซ์และสปริงคุณภาพสูงที่สุดในท้องตลาด ช่วยผสานพลังเสริมแรงกระโดดที่จะช่วยให้คุณเล่นแทรมโพลีนได้อย่างสนุกสนานที่สุด รู้สึกแตกต่างแน่นอน!

Smartplay Only แทรมโพลีนคุณภาพ อันดับ 1 เลือกลงทุนกับแทรมโพลีนของ Smartplay Only ไม่มีผิดหวัง ไม่ต้องหาซื้อซ้ำให้เสียดายเงินเล่น การันตีคุณภาพสินค้าจากรีวิวผู้ใช้งานจริงทั่วประเทศ

ติดต่อทีมงาน Smartplay Only เพื่อขอดูรีวิวเพิ่มเติม หรือ ทดลองกระโดดแทรมโพลีนสินค้าจริงได้ที่โชว์รูม Smartplay Only ปากซอยแบริ่ง 37 อาณาจักรแทรมโพลีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

Smartplay Only แทรมโพลีนของทุกคนในครอบครัว
เริ่มต้นการมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมได้ตั้งแต่วันนี้เลย!